ลักษณะโรคเริมที่ปาก |
อาการโรคเริมที่ปาก
- เริ่มแรกจะมีอาการคันที่ปาก แล้วปวดแสบปวดร้อน บริเวณปาก ก่อนจะเกิดผื่น 2 วัน
- หลังจากนั้น จะเกิดตุ่มใสๆ แดงๆ ที่บริเวณริมฝีปาก
- อาจจะมีไข้ต่ำ ตามมาด้วย
อาการดังกล่าวจะแสดงให้เห็นชัดขึ้นภายในสองวันที่เป็น เพราะสาเหตุนี้คนที่เป็นจะเกิดความไม่มั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ทำให้อับอาย ซึ่งผมขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดครับ หลายๆคนก็อาจจะเคยเป็นโรคนี้มาแล้ว ไวรัสชนิดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เป็นแล้วก็ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี เดวครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงสาเหตุที่เป็น และ การป้องกันนะครับ
สาเหตุของโรคเริมที่ปาก
สาเหตุที่แท้จริงของเริมที่ปากยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายก็กระตุ้นให้เกิดโรคเริมได้ โรคดังกล่าวมักพบน้อยลงหลังอายุ 35 ปีไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอีกเลย การถูกแสงแดด โดยเฉพาะแดดจัด ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย มีอาการเจ็บป่วย เช่น เป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ความเครียด และอาการอ่อนเพลีย ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดเริมได้ทั้งสิ้น
แนวทางรักษา
เริมที่ปากเมื่อเป็นแล้วจะหายไปเองในเวลาประมาณ 10 วัน แต่การทาครีมฆ่าเชื้อไวรัส ช่วยให้หายเร็วขึ้นได้ ยิ่งถ้ารักษาแต่เนิ่น ๆ ก็จะหายเร็วขึ้น ทางที่ดีควรลงมือรักษาทันทีที่เริ่มมีอาการแสบคัน ฉะนั้นเมื่อมีอาการ ควรไปพบเภสัชกร โดยเภสัชกรจะจ่ายยา acyclovir หรือยากลุ่มต้านเชื้อไวรัส เช่น ครีมรักษาเริมที่ปากอย่าง Zovirax ซึ่งมีทั้งชนิดหลอดและชนิดฉีดพ่น ไอบูโพรเฟนจะช่วยลดอักเสบ บวม
ส่วนการประคบน้ำแข็งบริเวณที่เป็นแผลโดยตรง จะช่วยลดอาการบวมและบรรเทาปวดได้ หรือถ้าชอบการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด ให้ป้ายแผลด้วยน้ำมันหอมระเหยเลมอนบาล์ม หรือทีทรีออยล์ เพราะมีสรรพคุณต้านเชื้อไวรัส หรือจะดื่มชาเลมอนบาล์ม สมุนไพรโกลเด้นซีลในรูปของอาหารเสริม หรือแคปซูลอิชินาเชีย
ลักษณะโรคเริมที่ปาก 2 |
ควรไปพบแพทย์หรือไม่
เริมที่ปากไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าสังเกตว่ามีน้ำเหลืองไหลออกมาจากตุ่มแผล และถ้ามีไข้สูงกว่า 100.5 องศาฟาเรนไฮต์ หรือมีอาการระคายเคืองตา ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าตุ่มแผลเกิดการติดเชื้อ ถ้าโรคเริมของคุณเกิดจากอาการป่วยเรื้อรังที่เป็นสาเหตุทำให้ภูมิต้านทานโรค อ่อนแอ เช่น โรคมะเร็ง คุณก็ควรไปพบแพทย์
เริมเป็นโรคติดต่อหรือไม่
ใช่แล้ว เริมเป็นโรคติดต่อ จึงไม่ควรใช้ของใช้ร่วมกัน การรักษาสุขอนามัยของคุณและคนรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็น ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้ง ระวังอย่าขยี้ตา เพราะเชื้อเริมที่ปากอาจติดต่อสู่ตาได้ ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสตุ่มแผลที่ปาก รวมถึงหลังจากใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ วิธีนี้จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
วิธีป้องกันเริมที่ปาก
การทาครีมกันแดดทุกวันช่วยได้ ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ระบุว่า การใช้ครีมกันแดดจะทำให้โอกาสในการเป็นเริมลดลง ลมหนาวก็มีส่วนกระตุ้นการทำงานของเชื้อไวรัส จึงควรพันผ้าพันคอตั้งแต่ช่วงล่างของใบหน้า
ช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลียมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ง่าย จึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายมาก ๆ เริมที่ปากมักเกิดจากความเครียดด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรรับประทานวิตามินบีซึ่งช่วยบำรุงประสาทให้เพียงพอ พบมากในเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว ซีเรียลโฮลเกรน และขนมปังโฮลวีท
ขอบคุณบทความจาก kapook.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น