Home » » เป็นเริม อายทำไม?

เป็นเริม อายทำไม?


ลักษณะโรคเริมที่ปาก
จะพูดถึงเรื่องของโรคเริมที่ปากนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงมากกว่า ซึ่งความหมายของโรคเราได้เล่าให้ฟังแล้ว เมื่อครั้งที่แล้ว (โรคเริม คืออะไร) นะครับ ครั้งนี้ผมจะมาเล่าในส่วนของอาการของโรคเริมที่ปาก นี้นะครับ

อาการโรคเริมที่ปาก
- เริ่มแรกจะมีอาการคันที่ปาก แล้วปวดแสบปวดร้อน บริเวณปาก ก่อนจะเกิดผื่น 2 วัน
- หลังจากนั้น จะเกิดตุ่มใสๆ แดงๆ ที่บริเวณริมฝีปาก
- อาจจะมีไข้ต่ำ ตามมาด้วย

อาการดังกล่าวจะแสดงให้เห็นชัดขึ้นภายในสองวันที่เป็น เพราะสาเหตุนี้คนที่เป็นจะเกิดความไม่มั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ทำให้อับอาย ซึ่งผมขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดครับ หลายๆคนก็อาจจะเคยเป็นโรคนี้มาแล้ว ไวรัสชนิดนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เป็นแล้วก็ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี เดวครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงสาเหตุที่เป็น และ การป้องกันนะครับ

สาเหตุของโรคเริมที่ปาก

          สาเหตุที่แท้จริงของเริมที่ปากยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายก็กระตุ้นให้เกิดโรคเริมได้ โรคดังกล่าวมักพบน้อยลงหลังอายุ 35 ปีไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอีกเลย การถูกแสงแดด โดยเฉพาะแดดจัด ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย มีอาการเจ็บป่วย เช่น เป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ความเครียด และอาการอ่อนเพลีย ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดเริมได้ทั้งสิ้น

แนวทางรักษา

          เริมที่ปากเมื่อเป็นแล้วจะหายไปเองในเวลาประมาณ 10 วัน แต่การทาครีมฆ่าเชื้อไวรัส ช่วยให้หายเร็วขึ้นได้ ยิ่งถ้ารักษาแต่เนิ่น ๆ ก็จะหายเร็วขึ้น ทางที่ดีควรลงมือรักษาทันทีที่เริ่มมีอาการแสบคัน ฉะนั้นเมื่อมีอาการ ควรไปพบเภสัชกร โดยเภสัชกรจะจ่ายยา acyclovir หรือยากลุ่มต้านเชื้อไวรัส เช่น ครีมรักษาเริมที่ปากอย่าง Zovirax ซึ่งมีทั้งชนิดหลอดและชนิดฉีดพ่น ไอบูโพรเฟนจะช่วยลดอักเสบ บวม

          ส่วนการประคบน้ำแข็งบริเวณที่เป็นแผลโดยตรง จะช่วยลดอาการบวมและบรรเทาปวดได้ หรือถ้าชอบการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด ให้ป้ายแผลด้วยน้ำมันหอมระเหยเลมอนบาล์ม หรือทีทรีออยล์ เพราะมีสรรพคุณต้านเชื้อไวรัส หรือจะดื่มชาเลมอนบาล์ม สมุนไพรโกลเด้นซีลในรูปของอาหารเสริม หรือแคปซูลอิชินาเชีย

ลักษณะโรคเริมที่ปาก 2

ควรไปพบแพทย์หรือไม่

          เริมที่ปากไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าสังเกตว่ามีน้ำเหลืองไหลออกมาจากตุ่มแผล และถ้ามีไข้สูงกว่า 100.5 องศาฟาเรนไฮต์ หรือมีอาการระคายเคืองตา ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าตุ่มแผลเกิดการติดเชื้อ ถ้าโรคเริมของคุณเกิดจากอาการป่วยเรื้อรังที่เป็นสาเหตุทำให้ภูมิต้านทานโรค อ่อนแอ เช่น โรคมะเร็ง คุณก็ควรไปพบแพทย์

เริมเป็นโรคติดต่อหรือไม่

          ใช่แล้ว เริมเป็นโรคติดต่อ จึงไม่ควรใช้ของใช้ร่วมกัน การรักษาสุขอนามัยของคุณและคนรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็น ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ วันละ 2 ครั้ง ระวังอย่าขยี้ตา เพราะเชื้อเริมที่ปากอาจติดต่อสู่ตาได้ ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสตุ่มแผลที่ปาก รวมถึงหลังจากใส่หรือถอดคอนแทคเลนส์ วิธีนี้จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

วิธีป้องกันเริมที่ปาก

          การทาครีมกันแดดทุกวันช่วยได้ ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ระบุว่า การใช้ครีมกันแดดจะทำให้โอกาสในการเป็นเริมลดลง ลมหนาวก็มีส่วนกระตุ้นการทำงานของเชื้อไวรัส จึงควรพันผ้าพันคอตั้งแต่ช่วงล่างของใบหน้า

          ช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลียมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ง่าย จึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายมาก ๆ เริมที่ปากมักเกิดจากความเครียดด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรรับประทานวิตามินบีซึ่งช่วยบำรุงประสาทให้เพียงพอ พบมากในเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว ซีเรียลโฮลเกรน และขนมปังโฮลวีท

ขอบคุณบทความจาก kapook.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม